วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

มะเขือเปราะ



สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะเขือเปราะ

คุณค่าทางอาหารของมะเขือเปราะ

มะเขือเปราะ 100 กรัม ให้พลังงาน 39 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 1.6 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 7.1 กรัม แคลเซียม 7 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.11 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.06 มิลลิกรัม น้ำ 90.2 กรัม วิตามินเอรวม 143 RE. วิตามินซี 24 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของมะเขือเปราะ
-
ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ ลดความดันเลือด
-
บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน เนื่องจากมะเขือเปราะมีสรรพคุณคล้ายกับอินซูลินลดปริมาณน้ำตาลในเลือด คนเป็นเบาหวานที่มีมะเขือเปราะเป็นผักคู่ใจเลยอาการดีวันดีคืน
-
ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ
-
ช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดี
-
มีประโยชน์ต่อตับอ่อน ทำให้ตับแข็งแรงทำงานได้มีประสิทธิภาพ

สรรพคุณของมะเขือเปราะ
-
มะเขือเปราะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขับปัสสาวะ
-
การแพทย์อายุรเวทของอินเดียใช้รากมะเขือเปราะ รักษาอาการไอ หอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ ขับปัสสาวะ และขับลม
-
ผลใช้ขับพยาธิ ลดไข้ ลดอักเสบ ช่วยการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นทางเพศ ประชากรในแคว้นโอริสสาของประเทศอินเดียใช้น้ำต้มผลมะเขือเปราะรักษาโรคเบาหวาน งานวิจัยนานาชาติระหว่างปี พ.ศ.2510-2538 พบว่า ผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด
-
ผลมะเขือเปราะมีไกลโคอัลคาลอยด์โซลามาร์จีน โซลาโซนีน และอัลคาลอยด์โซลาโซดีนที่ปราศจากโมเลกุลน้ำตาล การทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งของสารเหล่านี้พบว่า ทุกตัวมีฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งตับและลำไส้ใหญ่
-
พบว่าฤทธิ์ของไกลโคอัลคาลอยด์สูงกว่าโมเลกุลไร้น้ำตาล ราก ต้นและผลแก่มีสารอัลคาลอยด์เหล่านี้ต่ำ แต่ผลเขียว (เหมือนที่คนไทยกิน) มีสารที่มีประโยชน์เหล่านี้ในปริมาณสูงกว่าส่วนอื่นของพืชดังกล่าว
-
สารโซลาโซดีนใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สเตียรอยด์คอร์ติโซนและฮอร์โมนเพศได้ ผลตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้งใช้ปรุงยาแก้ไอ
-
งานวิจัยที่แคว้นโอริสสา ประเทศอินเดีย ใช้สารสกัดน้ำของผลมะเขือเปราะลดปริมาณน้ำตาลในเลือดของหนูเบาหวานอะล็อกซาน พบว่าได้ผลลดน้ำตาลในเลือดดีเท่ากับการใช้ยากลิเบนคลาไมด์ (glibenclamide)

มะเขือเทศ

 




มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อย มีผลเป็นผลเดี่ยว มะเขือเทศจะมีสารจำพวก แคโรทีนอยด์ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร วิตามินซี วิตามินเอ โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน บี1 บี2 วิตามินเค
คุณประโยชน์
  • ช่วยคงความสดชื่นให้ผิวหน้าด้วยการใช้ผลสุกพอกหน้าจะทำให้ผิวหน้าเต่งตึงอ่อนนุ่ม และมะเขือเทศยังช่วยรักษาสิว ได้อีกด้วย
  • สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนัง โดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็น
  • ผลมีรสเปรี้ยว เสริมวิตามินซี เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยดับกระหาย ช่วยให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังสามารถต้านอนุมูลอิสระ ขับสารพิษจากร่างกาย และเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ โดยรับประทานผลสด ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้
  • ช่วยแก้อาการปวดฟัน โดยนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทาน

มะระ



มะระมีคุณสมบัติในการการบำบัดและรักษาโรคเบาหวานระยะเริ่มต้นด้วยสารอาหารในมะระซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีนซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับและโรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้
มะระยังมีคุณค่าทางอาหารมากมายเพราะอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี1 - บี3, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม
เมนูอาหารจากมะระ ได้แก่ ต้มจืดมะระยัดไส้, มะระต้มจับฉ่าย, ผัดะมะระหมูสับ, มะระผัดกุ้ง, มะระผัดน้ำมันหอย เป็นต้น หากจะลดความขมของมะระต้องลวกหรือต้มนาน ๆ โดยคลุกเคล้ากับเกลือก่อนที่จะนำไปปรุงหรือต้มน้ำแล้วเทน้ำทิ้ง 1 ครั้ง ก่อนนำมารับประทานจะช่วยให้กินมะระได้อย่างอะเร็ดอร่อย 
สำหรับข้อควรระวัง เราทานมะระที่ดิบ ๆ กันได้ แต่ห้ามรับประทานมะระที่มีผลสุก เพราะอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้   เนื่องจากมีสารซาโปนินอยู่มาก ซึ่งสารนี้จะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย อีกอย่างอย่าทานมะระมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ท้องเสีย เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบาย

ผักชีลาว


การปลูกผักชีลาว
การเตรียมดินในการปลูก ผักชีลาว (Dill) : มีการฟื้นดิน ตากแดดให้แห้งเพื่อทำลายเชื้อโรคและวัชพืชที่อยู่ในดิน ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นก็ทำการ พรวนดิน เก็บเศษวัชพืชต่างๆ และนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วมาใส่คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ทั้งนี้เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าพบว่าดินเป็นกรด ควรนำปูนขาวมาคลุกกับดินเพื่อปรับสภาพของดินให้เหมาะในการเพาะปลูก 

วิธีปลูก ผักชีลาวมี 2 วิธี 
วิธีที่ 1 เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้ในการปลูก แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้ทั่วแปลง 
วิธีที่ 2 วัดระยะห่างของหลุมประมาณ 15 x 15 เซนติเมตร ใช้ไม้ขีดเป็นตารางให้เท่าๆ กัน ใช้ไม้หรือนิ้วจิ้ม แล้ว หยอดเมล็ดลงตามตารางที่ขีดไว้ เสร็จแล้วจึงใช้ดินกบแล้วรดน้ำด้วยบัวรดน้ำ

ผักชี



ผักชีเป็นพืชผักสมุนไพร มักลิ่นหอม อายุสั้นประมาณ 40-60 วัน สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำ ที่ดี ปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ผักชีเป็นผักที่ใช้ใบ ก้านใบและลำต้นบริโภค เป็นผักเครื่องเคียงและปรุงแต่งอาหาร ให้มีรสชาติ และกลิ่นหอมน่ารับประทาน
  • ใบผักชี มีสรรพคุณในทางเป็นสมุนไพรคือ จะใชัในการช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ เจริญอาหาร ขับลมขับพิษ แก้หวัด ขับเหงื่อ ช่วยย่อยอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคหัด พอกทาแก้ผื่นคัน แก้ไฟลามทุ่ง แก้ตับอักเสบ ลดการปวดบวมข้อ ต้มดื่มแก้ไอ แก้หวัด อาหารเป็นพิษ แก้สะอึก กระตุ้นการทำงานของเลือดพลาสมา และกล้ามเนื้อ มีสารต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และไข่ของแมลง จึงใช้ถนอมอาหาร
  • ลูกผักชี แก้พิษตานซาง แก้กระหายน้ำ แก้ลมวิงเวียน แก้บิด ถ่ายเป็นเลือด แก้ริดสีดวงทวาร แก้ปวดฟัน ช่วยย่อยอาหาร ขับลม บำรุงธาตุ ต้มน้ำอาบเมื่อเป็นหัด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ใช้ผลเตรียมน้ำมันผักชีซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหย หากถูกผิวนานๆอาจระคายเคืองได้
  • ราก เป็นกระสายยา กระทุ้งพิษไข้หัว เหือดหัด อีสุกอีใส อีดำอีแดง
    กากลูกผักชี (หมายถึงลูกผักชีที่สกัดเอาน้ำมันออกแล้ว) มีโปรตีน 11-17 % ไขมัน 11-20% จึงเหมาะที่จะใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี ผงลูกผักชีบดใช้โรยแผลกันเชื้อฝีหนองได้ นอกจากนี้แล้ว ลูกผักชียังใช้เป็นเครื่องเทศผสมเครื่องแกง ผักดอง ไส้กรอก แต่งกลิ่นอาหารต่างๆโดยเฉพาะเหล้ายิน แต่งกลิ่นช็อกโกแลต โกโก้ ได้

ผักสลัด



คุณประโยชน์ของผักจัดจาน(ผักกาดหอม)


คุณค่าอาหาร

ผักกาดหอม 100 กรัม ให้พลังงาน 24.00 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 2 กรัม ไขมัน 0.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3 กรัม แคลเซียม 16 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม เหล็ก 4.9 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 173.17 ไมโครกรัม เส้นใย 1.80 กรัม วิตามินบี1 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.18 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 9.00 มิลลิกรัม
สรรพคุณทางยา
ผักกาดหอมมีแอนติออกซิแดนท์หลายชนิด ช่วยในการป้องกันและต่อต้านมะเร็งได้
ผักกาดหอมเป็นแหล่งรวมคลอโรฟิลล์และวิตามิน เค
ผักกาดหอมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ
ผักกาดหอมเป็นแหล่วของธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงสมองและระบบประสาท
หากทานผักกาดหอม รวมกับแครอทและผักขมจะช่วยบำรุงสีของเส้นผมให้สวยงาม

ต้นหอม



ต้นหอมเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กตระกูลเดียวกับกระเทียม มีหัวสีขาวบ้างก็ปนสีม่วงอยู่ใต้ดิน ทำหน้าที่สะสมอาหาร ใบเป็นท่อยาว ปลายแหลม ภายในกลวง ดอกมีสีขาวออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกยาว ช่อดอกเมื่อบานมีลักษณะคล้ายร่ม มีดอกย่อยเป็นจำนวนมาก ต้นหอมกินได้ทั้งใบ ดอก และหัว มีกลิ่นฉุนและรสซ่า นิยมนำไปกินเป็นผักเคียงกับอาหารชนิดอื่นๆ เช่น ข้าวหมูแดง ส่วนใบใช้ตกแต่งโรยหน้าอาหาร และใส่ในต้ม ผัด ยำ แกงต่างๆ หรือนำไปดอง


พริก



พริกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเพื่อนๆ บางคน เรื่องนี้เรื่องจริงครับ เพราะตอนที่ไปเที่ยวมาเลเซีย หัวหน้าทัวร์ยังพกพริกไปให้ลูกทัวร์กินเลย พริกขี้หนูนี้ละที่เรียกว่าตัวเล็กกะจิ๊ด แต่ฤทธิ์เธอมาก ลำต้นเล็ก ขึ้นง่าย ไม่ลำบากในการดูแล เวลาปลูกควรเลือกต้นกล้าที่ดูท่าแข็งแรงแล้วปลูกลงในกระถาง รดน้ำวันละ 1 ครั้ง ตากแดดริมระเบียงก็ได้ค่ะ เพราะเป็นไม้ทนแดดได้ดี
ประโยชน์
พริกมีวิตามินซีสูง เบต้าแคโรทีนหรือวิตามินเอ และกรด Ascorbic มีส่วนช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้ ช่วยในการดูดซึมอาหารให้ดีขึ้น นอกจากนี้ในพริกยังมีสาร Capsaicin สารที่ให้ความเผ็ด และคุณสมบัติช่วยลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อต่าง ๆ และเดี๋ยวนี้มีรูปแบบครีมหรือโลชั่นแล้ว ระหว่างวันหากรู้สึกปวดเมื่อยลองทาครีมหรือโลชั่นส่วนผสมจากพริกด ช่วยคลายความปวดเมื่อยได้ ไม่พอยังมีการวิจัยออกมาว่าพริกขี้หนูสดยังช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ด้วย สุดยอด ยาที่อยู่ใกล้ๆ ตัวของเราเองแท้ๆ

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผักบุ้งจีน




ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักเมืองร้อนชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคกันมาก ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 2 ประเภทคือ ผักบุ้งไทย ซึ่งมีดอกสีม่วงอ่อน ลำต้นสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้ม ก้านใบมีสีม่วง และผักบุ้งจีน ลักษณะใบมีสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกมีสีขาว
ผักบุ้งจีนเป็นผักที่อยู่ในตระกูล Convolvulaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea aguatica Forsk เป็นผักพื้นเมืองของทวีปเอเชียเขตร้อน อาฟริกา และออสเตรเลีย แล้วแพร่กระจายไปยังเขตร้อนต่าง ๆ ของโลก ผักบุ้งจีนเป็นผักที่ปลูกเพื่อบริโภคส่วนของใบและลำต้น โดยนำมาใช้ประกอบอาหารได้อย่าง กว้างขวาง เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง รับประทานสด แกง ก๋วยเตี๋ยว หรือใช้เป็นผักจิ้มนํ้าพริกก็ได้ จึงนิยมปลูกผักบุ้งจีนเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนา เป็นพืชส่งออกที่มีความสำคัญ โดยการส่งออกทั้งในรูปผักสดและเมล็ดพันธุ์ ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก เนื่องจากผักบุ้งจีนมีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินเอซึ่งช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดีมีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานสดได้ 100 กรัม หรือมีวิตามินเอสูงถึง 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกด้วย ประกอบกับผักบุ้งจีนเป็นผักที่ปลูกง่าย โตเร็ว สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทุกฤดูกาล และอายุการเก็บเกี่ยวสั้น จึงนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย

ตำลึง

สรรพคุณ
ตำลึงอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก และฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก ไนอาซิน วิตามินซีและอื่น ๆ นอกจากนี้ จากการค้นคว้าของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย สำหรับตำรายาแผนโบราณ ตำลึงถือเป็นยาเย็น ใบช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้ อักเสบ แมลงมีพิษกัดต่อย แก้แสบคัน เจ็บตา ตาแดงและตาแฉะ แก้โรคผิวหนัง และลดน้ำตาลในเลือด
  • ราก : แก้ดวงตาเป็นฝ้า ลดความอ้วน แก้ไข้ทุกชนิด ดับพิษทั้งปวง ฝนทาภายนอก แก้ฝีต่างๆ แก้ปวด
  • บวม แก้พิษร้อนภายใน แก้พิษแมลงป่องหรือตะขาบต่อย
  • ต้น : กำจัดกลิ่นตัว น้ำจากต้น รักษาเบาหวาน
  • เปลือกราก : เป็นยาถ่าย ยาระบาย
  • เถา : แก้ฝี ทำให้ฝีสุก แก้ปวดตา แก้โรคตา แก้ตาฝ้า ตาแฉะ แก้พิษอักเสบจากลูกตา ดับพิษร้อน ถอนพิษ เป็นยาโรคผิวหนัง แก้เบาหวาน
  • ใบ : เป็นยาพอกรักษาผิวหนัง รักษามะเร็งเพลิง แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด แก้หืด รักษาผื่นคันที่เกิดจากพิษของหมามุ้ย ตำแย บุ้งร่าน ใช้เป็นยาเขียว แก้ไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษทั้งปวง แก้ปวดแสบปวดร้อน ถอนพิษคูน แก้คัน แก้แมลงกัดต่อย แก้ไข้หวัด แก้พิษกาฬ แก้เริม แก้งูสวัด
  • ผล : แก้ฝีแดง
  • ทั้งห้า รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการอักเสบของหลอดลม รักษาเบาหวาน
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
  • รักษาโรคเบาหวาน : ใช้เถาแก่ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
  • ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ : ควรรับประทานสด ๆ เพราะเอนไซม์ในตำลึงจะย่อยสลายง่ายเมื่อโดนความร้อน
  • ลดอาการคัน อาการอักเสบเนื่องจากแมลงกัดต่อยและพืชมีพิษ : นำใบตำลึงสด 2-20 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ คั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่เป็นจนกว่าจะหาย (ใช้ได้ดี สำหรับหมดคันไฟ หรือใบตำแย)
  • แผลอักเสบ : ใช้ใบหรือรากสด ตำพอกบริเวณที่เป็น
  • แก้งูสวัด, เริม : ใช้ใบสด 2 กำมือ ล้างให้สะอาด ผสมพิมเสนหรือดินสอพอง 1 ใน 4 ส่วน พอกหรือทาบริเวณที่เกิดอาการ
  • แก้ตาช้ำตาแดง : ตัดเถาเป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้วนำมาคลึงพอช้ำ แล้วเป่า จะเกิดฟองใช้หยอดตา
  • ทำให้ใบหน้าเต่งตึง : นำยอดตำลึง 1/2 ถ้วย น้ำผึ้งแท้ 1/2 ถ้วย นำมาผสม ปั่นให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันได้จะดีมาก
การปรุงอาหาร
ยอดอ่อนและใบอ่อนของตำลึงนำไปลวกและนึ่งเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกและนำไปปรุงอาหารเป็นแกงเลียง แกงจืด ผัก บางท้องถิ่นชาวบ้านนำผลอ่อนของตำลึงไปดองและนำไปรับประทานกับน้ำพริกหรือปรุงเป็นแกงได้ ยอดอ่อนของตำลึงเป็นผักที่คนไทยนิยมรับประทาน มีจำหน่ายในตลาดสดทุกภาคของเมืองไทย


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดอกแคร์






ดอกแคร์ช่วยบำรุงสายตาและต้านมะเร็ง

ต้นแคร์ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม กิ่งจะเปราะง่ายใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ดอกคล้ายดอกถั่ว ออกดอกแบบช่อประมาณช่อละ 2-4 ดอก ดอกมีทั้งสีขาว สีแดง สีชมพู ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ฝักจะมีลักษณะกลมแบนๆ ยาว ดอกแคอุดมด้วยสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ แคจึงช่วยบำรุงสายตาและด้านมะเร็ง อีกทั้งช่วยเสริมสร้างกระดูก เพราะมีแคลเซียลและฟอสฟอรัสสูง

ประโยชน์ตำรายาไทย
ดอกแคร์ สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ใส่แกงส้ม ต้มจิ้มน้ำพริก ดอกแคและยอดอ่อน ยังช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการท้องร่วง ท้องเดิน เปลือกลำต้นเมื่อนำมาต้นน้ำให้เดือด 30 นาที ใช้น้ำต้มชะล้าง


ข้อแนะนำ
สำหรับดอกแคร์ ก่อนนำไปปรุงอาหารควรแกะไส้ในออกก่อน มิฉะนั้นจะมีรสขม รับประทานไม่อร่อย

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

สะระแหน่



สะระแหน่สามารถแก้อาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะ โดยการนำน้ำที่คั้นจากต้น และใบมาใช้ดื่ม หรือจะรับประทานสด ๆ เพื่อดับกลิ่นปาก- ช่วยลดอาการจุกเสียดท้องในเด็กได้ โดยนำใบสะระแหน่ 2-3 ใบ มาบดให้ละเอียด ผสมกับยาหอม แล้วนำมากวาดคอเด็ก อาการเสียดท้องจะทุเลาลง เพราะน้ำมันหอมระเหย ของสะระแหน่ ยังเป็นยาที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรค และลดอาการเกร็งของลำไส้

- นอกจากนี้ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ ป้องกันไข้หวัด บำรุงสายตา และช่วยให้หัวใจแข็งแรง
- สะระแหน่มี เบต้า-แคโรทีน มากถึง 538.35RE แคลเซียม 40 กรัม วิตามินซีถึง 88 มิลลิกรัม เมื่อทาน 100 กรัม









วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

 
กะเพรา
 

 
 


กะเพรา เป็นพืขสมุนไพร มีแคลเซียม , ฟอสฟอรัสสูง กลิ่นหอมแรงเฉพาะตัว มีทั้งพันธ์กะเพราแดง และพันธ์กะเพราขาว ความหอมกะเพราแดง จะหอมกว่าใบกะเพราขาว เด็ดใบกระเพรามาประกอบอาหาร เช่น กระเพราหมู ,ไก่ เป็นต้น
สรรพคุณ .- ดอก ,ใบ , ราก
- ใบสดนำมาปรุงอาหาร บำรุงธาตุไฟ ,ขับลมแก้ปวดท้อง ,ท้องอืด , ท้องเฟ้อ
- ใบนำมาตากแห้ง นำมาต้มเป็น(ใบชากระเพรา)ดื่มน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ
- รากตากแห้ง นำมาต้มดื่มน้ำ ช่วยแก้โรคธาตุพิการ ช่วยไล่ลมในกระเพาะอาหาร

ดอกอัญชัน


ดอกอัญชัน เป็นไม้เลื้อยที่โตไวมาก ๆ  นอกจากมีดอกเพื่อความสวยงามแล้ว ยังใช้ทำประโยชน์ได้อีกมากมาย เช่นใช้เป็นสีสำหรับทำขนม , ทำน้ำดอกอัญชัญ , ข้าวดอกอัญชัญ หรือจะนำมาชุบแป้งทอด ฯลฯ สารพัดประโยชน์จริง ๆ ค่ะ